Welcome to Our Website

ส่องกองทุน EV เทรนด์แห่งอนาคต

เทรนด์รักษ์โลก-สิ่งแวดล้อม ทำให้ถนนทุกสายมุ่งสู่ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ขณะที่ในมุมของการจัดตั้งกองทุนรวม เพิ่งเริ่มมีกระแสในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา

โดย “ชญานี จึงมานนท์” นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนที่ลงทุนเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ายังมีจำกัด ที่มีอยู่ก็จะลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก เช่น ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศจีน, ผู้ผลิตชิ้นส่วน/ส่วนประกอบสำหรับรถยนต์ EV, กองทุนรวม United Battery and EV Technology ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี หรือกองทุนรวม SCB Electric Vehicles and Future Mobility ของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ที่เป็นกองทุนเปิดใหม่ เป็นต้น

สำหรับกองทุนอื่น ๆ มักเป็นแบบธีมลงทุน (thematic fund) ที่อาจมีการลงทุนในธุรกิจรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์มากกว่า 10% และลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาดไปพร้อม ๆ กัน

“กองทุนที่เกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ EV ทั่วโลก มักเป็นการลงทุนร่วมกับหุ้นเทคโนโลยี ทำให้ในช่วงที่ผ่านมามีผลตอบแทนติดลบ อย่างไรก็ดี ตลาดรถยนต์ไฟฟ้ายังคงมีพัฒนาการและศักยภาพการเติบโต ทั้งในส่วนของรถยนต์และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลหลายประเทศ”

ขณะที่ “ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์” นักกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า กระแสรถยนต์ไฟฟ้าเริ่มบูมขึ้นมาเมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา ในช่วงที่เกิดวิกฤตใหม่ ๆ ซึ่งคนเริ่มรู้สึกว่าอยากจะเปลี่ยนไปใช้พวกพลังงานทดแทนมากขึ้น จึงมีการจุดกระแสเรื่อง EV Car ขึ้นมา แต่มาปัจจุบันความคิดคนเริ่มเปลี่ยนไป บวกกับเจอปัญหาเรื่องเงินเฟ้อทำให้กระแสกองทุนลดน้อยลง

“ถามว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าอนาคตเรายังอยู่ในช่วงที่เงินเฟ้อไม่ลด รวมถึงราคาน้ำมันไม่ลดและมีการปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งถ้าจะให้ EV Car ชนะรถยนต์สันดาป ราคาน้ำมันคงต้องสูงกว่า 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล” ดร.จิติพลกล่าว

นอกจากนี้ สิ่งที่เห็นปัจจุบันคือวัฏจักรของผู้บริโภคอย่างของประเทศจีน เริ่มเห็นแล้วว่ารถยนต์ใหม่ส่วนใหญ่ที่ถูกซื้อจะเป็นรถยนต์ EV ประมาณ 10% ซึ่งคาดว่าจะเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ปีละ 10% และยุโรปก็มีกฎเกณฑ์ที่บอกว่าจะเลิกผลิตรถยนต์สันดาปภายในปี 2573

เพราะฉะนั้น แนวโน้มการเติบโตในอนาคตพอมี แต่ต้องดูว่าการใช้รถยนต์ EV จะคุ้มค่ากว่าใช้รถยนต์สันดาปหรือไม่ ขณะที่ปัญหาของรถยนต์ EV คือการชาร์จและการเก็บพลังงาน ถ้าอนาคตมีการพัฒนาจุดนี้ก็จะเพิ่มความน่าสนใจได้มากขึ้น

“ที่ผ่านมากระแสกองทุน EV ก็ถือว่าค่อนข้างดีในช่วงประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 แต่พอมาครึ่งปีหลังช่วงที่เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บอกว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ก็เป็นจุดที่เข้ามากดดันกองทุนกลุ่มนี้ ซึ่งก็เป็นการลงทุนเกี่ยวกับอนาคตให้ปรับฐานลงมากันหมด ดังนั้นถ้าดูในระยะสั้น นักลงทุนยังให้ความสนใจอยู่ แต่เม็ดเงินลงทุนอาจลดน้อยลง” ดร.จิติพลกล่าว

“นันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า รถยนต์ EV มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าปี 2583 ยอดขายรถยนต์ EV จะคิดเป็นสัดส่วนราว 55% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด และมากกว่า 33% ของจำนวนรถยนต์ที่ใช้ทั่วโลกคือ รถยนต์ EV ประกอบกับการใช้แพลตฟอร์ม ride sharing อาจส่งผลให้การใช้รถยนต์ EV มีต้นทุนต่ำลงและสามารถแข่งขันได้ หากเทียบรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงปกติ (fossil)

“โดยจากปี 2558-2573 นักวิเคราะห์เชื่อว่าความต้องการแบตเตอรี่ลิเทียมทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 1,829% รวมไปถึงรายได้จากแร่ต่าง ๆ เช่น ลิเทียม ทองแดง ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ก็คาดว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน” นางนันท์มนัสกล่าว

เรียกได้ว่า กองทุนรถยนต์ EV น่าจะเป็นทิศทางการลงทุนแห่งอนาคต ที่ยังต้องอาศัยเวลาในการเติบโต

อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance