Welcome to Our Website

สินเชื่อบุคคล เดือด แบงก์-นอนแบงก์ ชิงเค็ก 7 แสนล้าน

สินเชื่อบุคคล ม.ค.65 โตพุ่ง 25.43% เป็นเม็ดเงิน 1.44 แสนล้านบาท เฉพาะที่ไม่มีทะเบียนรถ ขยายตัว 27.21% วงเงิน 1.13 แสนล้านบาท “MTC-TIDLOR” เผยสัญญาณดีตั้งแต่ต้นปี ห่วงทั้งปี เหตุมีปัจจัยกดดันเพียบ

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานตัวเลขสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ เดือนมกราคม 2565 พบว่า ยอดสินเชื่อคงค้างรวม 7.13 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.44 แสนล้านบาทหรือ 25.43% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเป็นสินเชื่อที่ไม่มีทะเบียนรถเป็นประกัน 5.31 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.13 แสนล้านบาทหรือ 27.21% และที่มีีทะเบียนรถเป็นประกัน 1.82 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.11 หมื่นล้านบาทหรือ 20.53%

สินเชื่อบุคคล เดือด แบงก์-นอนแบงก์ ชิงเค็ก 7 แสนล้าน

นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความต้องการสินเชื่อปีนี้ ทั้งสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ สินเชื่อโฉนดที่ดิน สินเชื่อรถจักรยานยนต์ใหม่และสินเชื่อซื้อก่อนผ่อนทีหลัง (เพย์เลเทอร์) ผลตอบรับจากลูกค้าดีีกว่าทุกปีที่ผ่านมามาก ทำให้จากที่ตั้งเป้าจะเติบโต 25-30% แนวโน้มอาจจะโตได้ถึง 35%

“ผ่านมาเกือบ 3 เดือนถือว่า ภาพรวมตลาดสินเชื่อยังไปได้ดี ยกเว้นสินเชื่อเช่าซื้อรถใหม่ โดยเฉพาะรถยอดนิยม (เวฟ 110) แม้จะมีคำขอกู้เข้ามามาก แต่ติดปัญหาผู้ผลิตขาดแคลนชิป ทำให้ผลิตไม่ทัน”นายชูชาติกล่าว

ขณะที่กำลังซื้อ ไม่ได้น่าเป็นห่วง เพราะแม้จะมีปัญหาจากโควิด บางโรงงานต้องปิดชั่วคราว หรือภาคการท่องเที่ยวยังไม่กลับมา แต่ราคาพืชผลเกษตรดี (อ้อย ข้าว มันสำปะหลัง) และรัฐประกันราคาด้วย ซึ่งฐานลูกค้า 80% เป็นเกษตรกร ดังนั้นค่าครองชีพชาวบ้านยังไม่ถึงกับเดือดร้อน เฉพาะสินเชื่อเพย์เลเทอร์ปีนี้เชื่อว่า จะมียอดสินเชื่อ 5,000 ล้านบาทแน่นอน จากที่ตั้งเป้าไว้ 10,000 ล้านบาท ภายใน 2ปี (ปี65-66)

ส่วนการทำตลาด จะเน้นฐานลูกค้าเดิม 2.5 ล้านคน ซึ่งมีการเปลี่ยนมือถือ หรือทีวี และพนักงานแนะนำลูกค้าใหม่เข้ามา ที่สำคัญคิดดอกเบี้ยต่ำ 0.63%ต่อเดือน(เพย์เลเทอร์) นอกจากนี้บริษัทมีความสามารถในการครองส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์) และผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE) ที่ 25% ซึ่งยังอยู่ได้ แม้มีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ไม่เกิน 2% และสิ้นปีนี้พอร์ตสินเชื่อเพิ่มเป็น 1.1 แสนล้านบาท

“ปีนี้ไม่หนักใจในการทำตลาดขยายสินเชื่อ โดยบริษัทยังครองตำแหน่งอันดับหนึ่งด้วยสัดส่วนรถจักรยานยนต์ 60% รถยนต์ 30% และโฉนดที่ดิน 10% แต่ห่วงแหล่งผลิตไม่ทันโดยเฉพาะรถยอดนิยมและขอจับตา ออโต เอ็กซ์ ผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะเข้ามาบุกตลาดอย่างไร น่าจะเริ่มดำเนินการไตรมาส2 ซึ่งการแข่งขันขึ้นอยู่กับบริการ, อัตราดอกเบี้ยและค่าติดตามทวงถามหนี้”

ช่วงครึ่งปีแรกยังต้องติดตามคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งอาจกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่ม และนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ที่ยังไม่สรุปเรื่องดอกเบี้ยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ และเงินซอฟต์โลนที่ได้รับจากออมสิน 5,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ซึ่งจะครบกำหนดเดือนกรกฎาคม

นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ กล่าวว่า ตลาด สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ปีนี้น่าจะเติบโตได้ 20% จากปีก่อนที่เติบโต 15% ขึ้นกับเหตุการณ์แต่ละช่วง โดยปีที่แล้ว น่าจะเติบโตได้มากกว่า 20% ถ้าไม่มีล็อคดาวน์ในไตรมาส 2-3

สำหรับปัจจัยสนับสนุนมาจากการออกผลิตภัณฑ์มากขึ้น ให้วงเงินสูงขึ้น คิดดอกเบี้ยถูกลง โดยคิดดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.79% ต่อเดือน และมีบัตรกดเงินสดให้กับลูกค้าด้วย, ช่องทางหรือนโยบายสาขาปีนี้จะเปิดไม่ต่ำกว่า 300 สาขา เพื่อให้ลูกค้าสะดวกและใกล้ตัวในการเข้าถึง, และการมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามา น่าจะมีกิจกรรมใหม่ให้กับตลาด

ในแง่กำลังซื้อ ต้องขอดูตลาดอีกระยะจากปัจจัยเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น เพราะมีหลายปัจจัย รวมถึงมอเตอร์ไซด์มือหนึ่งหรือป้ายแดง มีปัญหา สายการผลิตผลิตสินค้าไม่ทัน ทำให้ราคารถมือสองปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่หนี้เอ็นพีแอลปรับลดลง เพราะลูกค้ามีการคืนรถ และทำให้บริษัทรับรถคืนและนำออกขายได้ราคามากขึ้น

ส่วนราคาน้ำมันเพิ่มนั้น ในส่วนของเงินติดล้อขอศึกษาตลาดก่อน เพราะขณะนี้ราคาน้ำมันดีเซลไม่ได้ปรับเพิ่มขึ้น แม้บริษัทจะมีลูกค้ารถบรรทุก แต่ต้นทุนดีเซลยังไม่ปรับขึ้น ผลกระทบในแง่กำลังซื้อจึงยังไม่มาก

 

นายศิวพงศ์ บุญสาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศักดิ์สยามลีสซิ่ง (SAK) กล่าวว่า ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทฯ เป็นเกษตรกร ปลายปีถึงต้นปี จึงเป็นช่วงที่ลูกค้าจะคืนเงิน หลังจากขายผลิตผลได้ จึงไม่ใช่ช่วงของการลงทุน แต่แนวโน้มของสินเชื่อยังเติบโตได้ แต่ไม่สามารถจะไปเร่งได้ เนื่องจากประชาชนต้องทำมาหากินอย่างระมัดระวัง ไม่เป็นหนี้โดยไม่จำเป็น

บริษัทตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อ 30% วงเงินสินเชื่อใหม่ 2,500-3,000 ล้านบาท (เฉพาะจำนำทะเบียน) แคมเปญปีนี้ยังเน้นอัตราดอกเบี้ยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และบริษัทจะเพิ่มบริการสินเชื่อจำนำโฉนดที่ดินและเริ่มสายพานการผลิตโดรน เพื่อลูกค้าเกษตรกร ซึ่งเริ่มทำตลาดเดือนมีนาคมเป็นเดือนแรก โดยเน้นนำเสนอบริการทั้งลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่ เบื้องต้นคาดว่า จะมียอดขาย 100 ลำจากเป้าหมายเดือมเดือนละ 20 ลำ ราคาเฉลี่ย 3แสนบาท

“เราพยายามนำเสนอ Solution ให้กับลูกค้าแทนที่จะเน้นการขายโดรน ซึ่งปีนี้ตลาดโดรนเกษตรคึกคักมากขึ้น เพราะเกษตรกรหันมาให้ความสนใจ และมองว่าช่วยลดการพึ่งพาแรงงานคนในอนาคต โดยเฉพาะในอีก 3 ปีข้างหน้า”นายศิวพงศ์กล่าว

นางสาวพิชามน จิตรเป็นธรรม ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจสินเชื่อบุคคล บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTC หรือ เคทีซี กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อส่วนบุคคลปีนี้ น่าจะเติบโตกว่า 20% จากกำลังซื้อช่วงต้นปีที่ดีกว่าปีก่อนๆ โดยเคทีซีตั้งเป้าลูกค้ารายใหม่ 106,000 ราย ยอดสินเชื่อลูกค้าใหม่ต่อรายกว่า 20,000 บาทจากสิ้นปีก่อนพอร์ตสินเชื่ออยู่ที่ 29,235 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัจจัยโควิดที่ยังไม่สามารถเปิดกิจกรรมได้เต็มที่ ประกอบกับมีสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งจะมีผลกระทบต่อรายได้ของประชาชนและเศรษฐกิจ จากราคาพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อที่ยังสูง ทำให้ความต้องการสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น เพราะจำเป็นต้องใช้จ่ายหมุนเวียน แต่เรายังคงเกณฑ์ในการอนุมัติเพื่อคุมคุณภาพสินเชื่อและเชื่อว่า ลูกค้าเองก็ระมัดระวังในการใช้จ่ายที่จำเป็น

ทั้งนี้ในส่วนของเคทีซี พราว ซึ่งกลุ่มเป้าหมายมีรายได้ 12,000-30,000 บาทต่อเดือน แต่ลูกค้ามีภาระหนี้ที่สูง จึงต้องดูความสามารถในการชำระด้วย โดยพิจารณา DSR ที่ 70-80% โดยยึดหลักการให้สินเชื่ออย่างระมัดระวังเช่นกัน ซึ่งขณะนี้มีแคมเปญดอกเบี้ยต่ำที่ 0.98% ต่อเดือนสมัครสมาชิกบัตรกดเงินสด เคทีซีพราวได้ถึง 30 ม.ย.2565 วงเงินอนุมัติสูงสุด 5เท่าของรายได้

ในแง่การแข่งขัน นอกจากออกผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ลูกค้าแล้ว ลูกค้าบัดกดเงินสดเคทีซีพราว หันมาใช้บริการผ่านออนไลน์เพิ่มกว่า 60% โดยเน้นโอนเงินกู้ผ่านโมบายแบงก์กิ้งกว่า 13 ธนาคารทำให้การกดเงินผ่านเอทีเอ็มเหลือเพียง 30%

ปีนี้เคทีซีจะต่อยอดการโอนเงินกู้ผ่าน “บัญชีพร้อมเพย์” โดยมีธนาคารกรุงไทยเป็นศูนย์กลางให้ทั้งลูกค้ารายเดิมและรายใหม่จะได้รับความสะดวกมากขึ้น ซึ่งกรุงไทยเป็นสนับสนุนบริการเคทีซีทั้งสินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิตและสินเชื่อพี่เบิ้มอยู่แล้ว และผู้สมัครรายใหม่สามารถกรอกข้อมูลสมัครแบบดิจิทัลหรือ อิเล็กทรอนิกส์ ผ่าน NEXT ได้

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,766 วันที่ 17 – 19 มีนาคม พ.ศ. 2565

อ้างอิง
https://www.thansettakij.com/money_market