Welcome to Our Website

ดึงนักลงทุนไทย-ตปท. บอร์ด กนอ.อนุมัติตั้งนิคมฯร่วมแห่งใหม่พื้นที่อีอีซี คาดเม็ดเงินสะพัด 4.58 หมื่นล้าน

“สุริยะ” กำชับ กนอ.เตรียมความพร้อมพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมทุกภูมิภาค ดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ ด้าน “วีริศ” เผยบอร์ด กนอ.อนุมัติหลักการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ในพื้นที่อีอีซี เล็งรองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย คาดหลังเปิดดำเนินการจะสร้างเม็ดเงินลงทุนในประเทศกว่า 45,840 ล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่ม 11,460 คน

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรมเปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) แต่มั่นใจว่าการบริหารจัดการสถานการณ์และศักยภาพของประเทศไทยที่มีอยู่นั้น สามารถสร้างความสนใจให้กับหลายประเทศได้ จึงต้องอาศัยช่วงเวลานี้ บวกกับปัจจัยการย้ายฐานลงทุนและการผลิตของนักลงทุนต่างชาติจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการค้า(เทรดวอร์)ของจีนและสหรัฐ เร่งดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศให้ได้

 

“ผมได้กำชับให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เร่งดึงดูดการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมโดยการโชว์ศักยภาพและความพร้อมรองรับการลงทุน ขณะเดียวกันให้เตรียมความพร้อมนิคมอุตสาหกรรมทุกภูมิภาค เพื่อรองรับการเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภาคอุตสาหกรรม โดยจะต้องตอบโจทย์ทุกการแข่งขัน ทั้งศักยภาพของระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มาตรฐานสากลแบบครบวงจร รวมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก และการบริหารจัดการอย่างทั่วถึง ซึ่ง กนอ.เองก็มีโปรโมชั่นส่งเสริมการขายและเช่าที่ดินในนิคมฯออกมาอย่างต่อเนื่อง”นายสุริยะ กล่าว

ด้านนายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า กนอ.พร้อมดำเนินการตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม โดยเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ กนอ. (บอร์ด กนอ.) อนุมัติในหลักการให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมใหม่ 1 แห่ง โดยร่วมดำเนินงานกับ บริษัท พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมระยอง ไทย-จีน จำกัด ในรูปแบบของนิคมอุตสาหกรรมร่วมดำเนินงาน ซึ่งเป็นการเพิ่มพื้นที่เพื่อรองรับการลงทุนในพื้นที่อีอีซี การขยายตัวของอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve และอุตสาหกรรมที่ได้รับการส่งเสริมตามโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รวมถึงตอบสนองนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ที่มีศักยภาพตามยุทธศาสตร์ของประเทศเชิงพื้นที่ (Area based) โดยเอกชนเป็นผู้ลงทุนพัฒนาและให้บริการระบบสาธารณูปโภคภายใต้การกำกับของ กนอ.

 

โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมหนองละลอก ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง พื้นที่ประมาณ 1,546 ไร่ โดยที่ตั้งของโครงการฯ ถือว่ามีความได้เปรียบจากการเป็นพื้นที่ดอน ไม่มีความเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม ด้านหน้าโครงการติดถนนทางหลวงแผ่นดิน และห่างจากทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เส้นทางชลบุรี-พัทยา ประมาณ 14 กิโลเมตร อยู่ห่างจากท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ประมาณ 24 กิโลเมตร ท่าอากาศยานอู่ตะเภา ประมาณ 40 กิโลเมตร ท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง ประมาณ 60 กิโลเมตร และห่างจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ประมาณ 150 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังอยู่ใกล้พื้นที่เขตประกอบการอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่ง อาทิ เขตประกอบการอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง ประมาณ 7 กิโลเมตร นิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี ประมาณ 8 กิโลเมตร และนิคมอุตสาหกรรม อาร์ ไอ แอล ประมาณ 15 กิโลเมตร เป็นต้น

ทั้งนี้ตัวโครงการแบ่งพื้นที่เป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรมทั่วไป ประมาณ 1,123 ไร่ พื้นที่โรงไฟฟ้า ประมาณ 22 ไร่ พื้นที่ระบบสาธารณูปโภค 181 ไร่ พื้นที่สีเขียวและแนวกันชน ประมาณ 218 ไร่ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาพัฒนาพื้นที่ทั้งหมดและเปิดให้บริการได้ภายใน 2 ปี โดยหลังเปิดดำเนินการแล้วจะก่อให้เกิดมูลค่าการลงทุนประมาณ 45,840 ล้านบาท เกิดการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นประมาณ 11,460 คน อย่างไรก็ตามโครงการอยู่ในพื้นที่เป้าหมายของ EEC อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ อีกทั้งผู้ประกอบการยังได้รับสิทธิประโยชน์ภายใต้มาตรการส่งเสริมของ EEC ด้วย คาดว่าจะสามารถขาย/ให้เช่าพื้นที่ทั้งหมดได้ในระยะเวลา 5 ปี

 

“โครงการฯ ดังกล่าวสอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาพื้นที่อีอีซีของรัฐบาล ที่มีการขับเคลื่อนและพัฒนาพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการวางโครงสร้างพื้นฐานในระบบสาธารณูปโภค อาทิ รถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน สนามบินอู่ตะเภาเมืองการบินภาคตะวันออก ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะ 3 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการชักจูงให้มาลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย S-Curve และ New S-Curve โดย กนอ.ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับนักลงทุน ซึ่งจากการพิจารณาข้อเสนอของการจัดตั้งนิคมฯ ดังกล่าวนั้น กนอ.เห็นว่า นอกจากศักยภาพของโครงการฯ ทั้งในด้านทำเลที่ตั้ง การเชื่อมโยงเครือข่ายด้านคมนาคมขนส่ง และโครงสร้างพื้นฐานต่างๆแล้ว บริษัทยังมีความพร้อม มีฐานลูกค้า และมีประสบการณ์การดำเนินธุรกิจ คาดว่าจะทำให้โครงการฯ ประสบความสำเร็จได้”

สำหรับการจัดตั้งนิคมฯ ดังกล่าว นำแนวคิดนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town)มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ โดยจัดให้มีพื้นที่สีเขียวและพื้นที่แนวกันชนเชิงนิเวศ (Eco-Belt) รอบพื้นที่โครงการฯ รวมทั้งจัดสรรพื้นที่สีเขียวภายในนิคมอุตสาหกรรมไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 มีการนำน้ำทิ้งไปผ่านการบำบัดและปรับปรุงคุณภาพเพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ (Recycle) เพื่อลดอัตราการระบายน้ำทิ้งออกนอกพื้นที่ อีกทั้งยังใช้แนวคิดการออกแบบอาคารแบบอารยสถาปัตย์ (Universal Design) รวมถึงการออกแบบอาคารเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน (Green Building) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และใช้พลังงานทดแทน ซึ่งเป็นไปตามข้อบังคับของคณะกรรมการ กนอ.ว่าด้วยมาตรฐานระบบสาธารณูปโภคสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการสำหรับนิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ พ.ศ.2557 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

อ้างอิง
https://siamrath.co.th/economy